สถานที่ที่เรียกว่าโกดังสินค้านั้น ไม่ถึงกับจำกัดเรื่องรูปแบบ แต่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์
รวมถึงเต็นท์ขนาดใหญ่ ที่มีไว้เพื่อเป็นโรงเก็บสินค้าหรือสิ่งของ บางครั้งก็เรียกว่าคลังสินค้า
โรงเก็บสินค้า คลังพัสดุ หรือชื่ออื่นในทำนองเดียวกัน นั่นคือ โกดังสินค้า
ประเภทของโกดังเก็บสินค้า
หากจะแบ่งโกดังสินค้าตามลักษณะการใช้งานแล้ว โกดังสินค้ามี 4 ประเภทคือ
1.โกดังสินค้าทั่วไป โกดังประเภทนี้ไม่มีรายละเอียดมาก เพียงมีสถานที่จัดเก็บ กันแดด กันฝนทั่วไป
2.โกดังสินค้าสำหรับเก็บอาหารสด ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิเพื่อป้องกันอาหารเสีย
3.โกดังสินค้าที่อาจเป็นอันตราย เช่น สารเคมี หรือที่อาจเป็นพิษภัยต่อคนที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้โกดังประเภทนี้มีกฎหมายควบคุมพิเศษ ต้องมีการขออนุญาตสร้าง จัดเก็บ
4.โกดังสินค้าพิเศษอื่นๆ นอกเหนือจาก 3 ประเภทข้างต้น เพราะยังมีสินค้าบางประเภทต้องใส่ใจพิเศษในการจัดเก็บ เพราะอุณหภูมิหรือสภาพแวดล้อมบางอย่างอาจทำให้ผลิตภัณฑ์ เสียหายได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาทุกชนิด
โกดังสินค้าจะมีทั้งที่เป็นส่วนบุคคลและโกดังสินค้าที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้อื่นเช่าเก็บสินค้า
ลักษณะของ
โกดังสินค้าที่ดีเป็นอย่างไร
โกดังที่ดี มีหลายรูปแบบขอเพียงอยู่ในเกณฑ์ต่อไปนี้
1.มีขนาด และรูปแบบของคลัง เหมาะสมกับการเก็บสินค้าแต่ละประเภท สินค้าจะได้ไม่เสียหายขณะเก็บรักษาเอาไว้ก่อนจำหน่ายออก รวมถึงไม่เป็นอันตรายต่อชุมชนใกล้เคียง
2.ไม่เก็บรักษาสินค้าปะปนกัน ที่มีโอกาสทำให้สินค้าบางชนิดเสียหายได้
3.อยู่ไม่ไกลการคมนาคมขนส่งมากนัก จะได้ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเวลาขนย้าย
4.เอื้ออำนวยต่อการขนย้ายสินค้าให้สะดวกและปลอดภัย ต่อการนำเข้าเก็บ ขนออกจากโกดัง
ประโยชน์ที่ได้จากการมีโกดังสินค้า
การสร้างโกดังหรือเช่าโกดัง มีต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ก็มีประโยชน์ ดังนี้
1. มีที่เก็บสินค้า ทำให้ผลิตจำนวนมากได้จึงช่วยลดต้นทุน มีผลต่างกำไรมากขึ้น
2.การมีสต๊อกสินค้า ทำให้ไม่เสียโอกาสในการขายเมื่อลูกค้าต้องการ
3.กรณีมีการกระจายสินค้า โกดังจะช่วยลดค่าขนส่งเพราะส่งไปเก็บได้ครั้งละจำนวนมาก
4.มีโอกาสกำลังมากขึ้น กรณีที่สินค้าราคาขายสูงขึ้นในระหว่างที่ยังมีต้นทุนราคาเดิมอยู่
ส่วนจะมีโกดังส่วนตัวหรือเช่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับการประเมินความคุ้มทุนว่า แบบไหนคุ้มทุนกว่ากัน